มาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพทัศนมาตร

ได้รับการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎร  (June 2011)

,Last modified June 2021

Dr.Loft ,O.D. ,แปลและเรียบเรียง

Original English Version : https://www.loftoptometry.com/Standards of Optometry Professional Conduct

source : www.aoa.org.

 

ทัศนมาตรศาสตร์เป็นวิชาชีพที่ได้รับเกียรติในการบริการด้านการดูแลรักษาดวงตาแก่ประชาชนและได้รับการไว้วางใจจากสังคมให้ทำหน้าที่นี้อย่างมืออาชีพและมีจริยธรรม การให้ความสำคัญต่อประโยชน์ของคนไข้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนจึงจะเรียกว่า “ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นความรับผิดชอบทางจริยธรรมตามหลักของวิชาชีพในด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งหมด สำหรับทัศนมาตรนั้นมีหน้าที่ในการดูแลประโยชน์ที่ดีที่สุดของคนไข้เกี่ยวกับดวงตา สายตา และสุขภาพทั่วไปของคนไข้นอกจากนี้ ทัศนมาตรจะต้องมีจริยธรรมที่มุ่งมั่นในการปกป้องและส่งเสริมสุขภาพและสวัสดิภาพของประชาชนโดยทั่วไป


สมาคมทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกา (American Optometric Association ,AOA) ได้ประกาศใช้จรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชีพเพื่อกำกับดูแลทัศนมาตรในการปฏิบัติหน้าที่ทางวิชาชีพและจริยธรรมของตน เอกสารเหล่านี้เสริมด้วยคำสาบานของทัศนมาตรและข้อมติบางประการของสภาทัศนมาตรแห่งอเมริกาในการแถลงการณ์นโยบายของคณะกรรมการสภา

 

เนื้อหาของเอกสารและคำประกาศทางจริยธรรมเหล่านี้เป็นผลจากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาระหว่างวิชาชีพทัศนมาตรศาสตร์ในการให้บริการกับสังคม ในขณะที่จรรยาบรรณของสมาคมทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกากำหนดหลักเกณฑ์พื้นฐานของพฤติกรรมทางจริยธรรมสำหรับทัศนมาตรมาตรฐานวิชาชีพเป็นเอกสารที่พัฒนาขึ้นซึ่งขยายความจรรยาบรรณและอธิบายพฤติกรรมทางจริยธรรมและวิชาชีพให้ละเอียดยิ่งขึ้น สมาคมทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกามีเจตนาให้จรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชีพเป็นการแสดงออกเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องต่อการปฏิบัติอย่างมืออาชีพและจริยธรรมสำหรับทัศนมาตรทุกคน


การอภิปรายเกี่ยวกับจริยธรรมทางการแพทย์มักจะระบุสี่หมวดหมู่หรือหลักการพื้นฐานของพฤติกรรมทางจริยธรรม: อำนาจของผู้ป่วย (patient autonomy), การไม่ทำอันตราย (non-maleficence), การเกื้อกูล (beneficence), และความยุติธรรม (justice) หลักการเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับกำหนดพฤติกรรมทางจริยธรรมเฉพาะภายในวิชาชีพด้านการดูแลสุขภาพ แต่ละหัวข้อของมาตรฐานวิชาชีพทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกา ( AOA Standards of Professional Conduct) จะถูกจัดเรียงภายใต้หลักการเหล่านี้ ในขณะที่แต่ละหัวข้อนั้นสามารถระบุและพิสูจน์ได้ภายใต้หลักการหลายข้อหรือทั้งหมด แต่ที่นี่จะจัดเรียงภายใต้หลักการที่ถือว่ามีพลังมากที่สุดสำหรับแต่ละหัวข้อ หมวดหมู่ที่ห้าคือ ความสัมพันธ์ทางวิชาชีพที่ไม่ใช่เรื่องการรักษาคนไข้ ซึ่งจะถูกเพิ่มเพื่อเติมเต็มเนื้อหาของมาตรฐานวิชาชีพทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกา ( AOA Standards of Professional Conduct) ควรสังเกตว่าเอกสารและคำประกาศทางจริยธรรมเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงอุดมคติทางจริยธรรมของวิชาชีพหลายประการ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และไม่ใช่การแสดงออกถึงภาระผูกพันทางกฎหมาย

จริยธรรมและกฎหมายเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน แม้ว่าหลายครั้งจะทับซ้อนกัน กฎหมายกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับพฤติกรรมของสังคมที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม จริยธรรมโดยทั่วไปจะกำหนดมาตรฐานที่สูงกว่าขั้นต่ำสำหรับพฤติกรรมที่ผู้คนควรพยายามบรรลุเป็นอุดมคติ

จริยธรรม (ethics) คือระบบของหลักการทางศีลธรรมที่ควบคุมพฤติกรรมของบุคคล ยึดโยงกับสิ่งที่สังคมหรือวัฒนธรรมเฉพาะนั้นพิจารณาว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ดีสิ่งใดเลว

 

กฎหมาย (law) คือระบบของกฎเกณฑ์ที่รัฐบาลบังคับใช้ ยึดโยงกับสิ่งที่สังคมหรือวัฒนธรรมเฉพาะนั้นพิจารณาว่าพฤติกรรมใดยอมรับได้และพฤติกรรมใดไม่ยอมรับได้

 

กฎหมายมักอิงจากจริยธรรม แต่ไม่ใช่เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น การขโมยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่การหยิบยืมของผู้อื่นโดยที่คุณเชื่อว่าพวกเขาไม่ต้องการมันอีกต่อไป นั้นไม่ถือว่าผิดจริยธรรม

 

จริยธรรมยังสามารถเข้มงวดกว่ากฎหมายได้ ยกตัวอย่างเช่น การโกหกเพื่อปกป้องใครบางคนอาจถูกกฎหมาย แต่ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรม

 

ท้ายที่สุดแล้ว จริยธรรมคือการทำความดี แม้ว่าจะไม่จำเป็นตามข้อบังคับของกฎหมาย กฎหมายคือชุดของกฎเกณฑ์ที่เราจำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่จริยธรรมคือชุดของหลักการที่เราควรพยายามที่จะยึดถือ

 

มาตรฐานของการปฎิบัติวิชาชีพทัศนมาตร 

A - อำนาจของผู้ป่วย (การพึ่งตนเอง)

ทัศนมาตรมีหน้าที่จำเป็นที่จะต้องให้คนไข้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลและการรักษาโดยคำนึงถึงความต้องการ ความปรารถนา ความสามารถ และความเข้าใจของคนไข้ โดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย

 

1.ความร่วมมือของผู้ป่วย (Patient Participation)

ทัศนมาตรมีหน้าที่ที่จะต้องเคารพสิทธิของผู้ป่วยในการเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตน หน้าที่นี้ควรทำอย่างจริงจังและตั้งใจด้วยการให้กความรู้และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับคนไข้


2.การเก็บรักษาความลับ (Confidentiality)

ทัศนมาตรและพนักงานที่เกี่ยวข้องต้องเก็บรักษาข้อมูลสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ทั้งหมดของคนไข้ไว้เป็นความลับ นี่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยที่จำเป็นในการสร้างและรักษาความไว้วางใจ ทัศนมาตรอาจเปิดเผยข้อมูลสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ป่วยตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการเคลื่อนย้ายและบัญชีการประกันสุขภาพ (Health Insurance Portability and Accountability Act ,HIPAA) อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นเกี่ยวกับความลับที่สามารถหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้ กรณียกเว้นเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อจำเป็นต้องปกป้องสวัสดิภาพของผู้ป่วยหรือผู้อื่นเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญ หรือเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นตามกฎหมาย ควรสังเกตว่า ความจำเป็นทางจริยธรรมของทัศนมาตรในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของผู้ป่วยหรือผู้อื่นโดยปราศจากคำยินยอมของผู้ป่วยอาจมีการพิจารณาทางกฎหมาย


3.ความจริงใจ (Truthfulness)

การพูดความจริงเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของความสัมพันธ์ระหว่างนักทัศนมาตรศาสตร์และผู้ป่วยให้เกิดความไว้วางใจต่อกันได้ จากมุมมองด้านจริยธรรมมีสองระดับของความจริงใจ ได้แก่ ความจริงใจ (veracity) และความตรงไปตรงมา (candor) พูดง่ายๆ ว่าความจริงใจคือการ "พูดความจริง" และความตรงไปตรงมาคือการ "พูดความจริงทั้งหมด" ทัศนมาตรควรฝึกฝนความจริงใจอยู่เสมอและพยายามพูดความจริง โดยทั่วไปแล้วความตรงไปตรงมามักเป็นสิ่งจำเป็นจากมุมมองด้านจริยธรรม ยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่สมเหตุสมผลก็ต่อเมื่อเป็นความเมตตาต่อผู้ป่วยหรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์โดยรวมของผู้ป่วยเท่านั้น เนื่องจากการละเมิดความตรงไปตรงมาจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของอำนาจของผู้ป่วย จึงควรพิจารณาเฉพาะหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบและชั่งน้ำหนักทางเลือกต่างๆ


4.ความยินยอมอย่างรู้เท่าทัน (Informed Consent)

ทัศนมาตรมีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายทราบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและทางเลือกในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย กระบวนการให้ความยินยอมอย่างรู้เท่าทันกำหนดให้ทัศนมาตรต้องทำการตัดสินอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับความสามารถของผู้ป่วยในการให้เหตุผลและตัดสินใจด้วยข้อมูลโดยปราศจากแรงกดดันจากภายนอก นอกจากนี้ ทัศนมาตรควรอธิบายให้ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองทราบถึงสถานะการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย ขั้นตอนการรักษาที่เหมาะสม ความเสี่ยงและประโยชน์ของแต่ละขั้นตอน สุดท้าย ทัศนมาตรควรพยายามให้แน่ใจว่าผู้ป่วยหรือผู้ปกครองมีความเข้าใจอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้รับ


5.บันทึกผู้ป่วย (Patient Records)

ทัศนมาตรมีหน้าที่เก็บรักษาบันทึกที่เหมาะสมและถูกต้องทุกครั้งที่มีการพบปะผู้ป่วย ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิ์ขอรับหรือส่งสำเนาหรือสรุปของบันทึกทางการแพทย์ของตนตามคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรและตามข้อบังคับของรัฐบาลกลางและกฎหมายของรัฐที่เกี่ยวข้อง


B - การไม่ทำอันตราย (“ไม่ทำอันตราย”)

ทัศนมาตรมีหน้าที่หลีกเลี่ยงการกระทำที่ละเว้นหรือกระทำการซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย

 

1.มาตรฐานการดูแล (Standards of Care)

ทัศนมาตรควรพยายามให้การดูแลที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติงานทางคลินิกที่ก่อตั้งขึ้นมา เช่นแนวทางที่รับรองโดย สมาคมทัศนมาตรศาสตร์แห่งอเมริกา (American Optometric Association ,AOA) ซึ่งอิงจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์และขั้นตอนล่าสุดและใช้ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้และสอดคล้องกับกฎหมายที่มีอยู่

 

2.ความสามารถทางวิชาชีพ(Professional Competence)

ทัศนมาตรมีหน้าที่พยายามที่จะรักษาความทันสมัยกับขอบเขตการปฏิบัติงานและมาตรฐานการดูแลที่ ดีกว่า เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย นอกจากนี้ทัศนมาตรควรใช้เฉพาะขั้นตอนทางคลินิกและการรักษาตามแนวทางที่ได้รับการอบรมและมีความสามารถที่จะดำเนินการ

 

3.การมอบหมายงาน(Delegation of Services)

ทัศนมาตรอาจมอบหมายงานให้พนักงานในสำนักงานตามที่กฎหมายอนุญาต สำหรับบริการใด ๆ ที่ดำเนินการกับผู้ป่วยโดยพนักงานในองค์กร และทัศนมาตรควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานได้รับการฝึกอบรมและ/หรือได้รับการรับรองอย่างเพียงพอ และระดับการฝึกอบรมของพนักงานหรือการกำหนด (ช่างเทคนิค , ผู้ช่วย ฯลฯ ) ควรแจ้งให้ผู้ป่วยที่รับการรักษาทราบ ตัวอย่างหนึ่งของการสื่อสารนี้จะเป็นป้ายชื่อระบุตำแหน่งของบุคคล


4.ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)

การดูแลผู้ป่วยไม่ควรได้รับอิทธิพลจากผลประโยชน์ส่วนตนของผู้ให้บริการ ทัศนมาตรควรหลีกเลี่ยงและ/หรือถอนตัวจากสถานการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ผลประโยชน์ส่วนตนของทัศนมาตรขัดแย้งกับผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้ป่วย การให้ข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่มีอยู่หรือที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดเป็นหน้าที่ของทัศนมาตรและควรสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม


5.การส่งต่อผู้ป่วย(Referral)

ทัศนมาตรควรแนะนำผู้ป่วยเมื่อใดก็ตามที่ทัศนมาตรเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย ผู้ให้บริการและ/หรือสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อควรขึ้นอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเป็นหลัก เมื่อผู้ป่วยได้รับการส่งต่อไปยังผู้ให้บริการด้านสุขภาพรายอื่น ทัศนมาตรที่อ้างอิงควรยังคงมีส่วนร่วมในการร่วมจัดการการดูแลผู้ป่วยโดยรวม ทัศนมาตรไม่ควรเสนอหรือยอมรับการชำระเงินใด ๆ ในรูปแบบใด ๆ จากแหล่งใด ๆ เพื่อส่งต่อผู้ป่วย การชำระเงินระหว่างผู้ให้บริการด้านสุขภาพหรือจากสถานบริการด้านสุขภาพเพียงเพื่อส่งต่อผู้ป่วยถือเป็นการแบ่งค่าธรรมเนียมและไม่เป็นจริยธรรม


6.ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย(Relationships with Patients)

ทัศนมาตรควรหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เนื่องจากความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจทำให้วิจารณญาณของวิชาชีพเสื่อมเสียหรือใช้ประโยชน์จากความไว้วางใจและความไว้วางใจที่ผู้ป่วยมอบให้ทัศนมาตรไว้ หากความสัมพันธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ การดูแลผู้ป่วยรายนี้ควรโอนไปยังทัศนมาตรรายอื่น


7.นักทัศนมาตรศาสตร์ที่บกพร่อง(Impaired Optometrist)

ทัศนมาตรที่บกพร่องเนื่องจากการใช้สารควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารเคมีอื่น ๆ ควรถอนตัวจากกิจกรรมการดูแลผู้ป่วย ในความพยายามที่จะปกป้องผู้ป่วยและสนับสนุนความช่วยเหลือสำหรับผู้ให้บริการที่บกพร่อง ทัศนมาตรควรช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานที่บกพร่องในการแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญและ/หรือระบุเพื่อนร่วมงานที่บกพร่องให้กับหน่วยงานของรัฐหรือคณะกรรมการออกใบอนุญาตที่เหมาะสม ทัศนมาตรที่มีข้อจำกัดทางร่างกายหรือความรู้ความเข้าใจไม่ควรให้การดูแลอย่างมืออาชีพหากเงื่อนไขดังกล่าวจำกัดความสามารถในการให้การดูแลในระดับสูงสุดแก่ผู้ป่วยของตน


C. ประโยชน์ (“ทำดี”)

ทัศนมาตรมีหน้าที่ต้องให้บริการด้านดวงตา การมองเห็น และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปอย่างมืออาชีพ

 

1.บุคลิกภาพ (Character)

ทัศนมาตรควรปฏิบัติตนด้วยบุคลิกภาพที่ดีในทุกการกระทำของตนเพื่อสร้างไว้เนื้อเชื่อใจและ ความเคารพต่อผู้ป่วย ต่อสาธารณะ และเพื่อนร่วมงาน บุคลิกภาพที่ดีนั้นรวมไปถึงความซื่อสัตย์ ความซื่อตรง ความยุติธรรม ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจ

2.การเคารพกฎหมาย (Respect for the Law )

ทัศนมาตรควรปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐและรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้อง และควรถอนตัวจากสถานการณ์ใด ๆ ที่ขัดขวางไม่ให้คุณปฏิบัติตามหน้าที่ทางกฎหมายและวิชาชีพของคุณ ควรสังเกตด้วยว่าหน้าที่ทางศีลธรรมอาจเกินกว่าภาระผูกพันทางกฎหมาย

3.ปกป้องประชาชน (Protected Populations)

ทัศนมาตร มีหน้าที่ในการรับผิดชอบต่อประชาชน ในการป้องกันประชาชนด้วยการจำแนกแยกแยะคนไข้ที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าหลงผิดหรือติดสารเสพติด และ รายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการรักษาแก้ไขตามกฎหมายต่อไป


4.สาธารณสุข (Public Health)

ทัศนมาตรมีหน้าที่ทางจริยธรรมที่จะดูแลผู้ป่วยเป็นหลักรวมไปถึงต่อสังคมโดยรวมด้วย ทัศนมาตรควรให้การดูแลที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับดวงตา สายตา และสุขภาพโดยรวม และควรพยายามปกป้องและส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมโดยรวม ทัศนมาตรควรมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในองค์กรวิชาชีพและกิจกรรมอื่นๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพตา สายตา และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยและประชาชน


5.การวิจัยทางคลินิกและการทดลอง(Clinical Research and Trials)

ความรับผิดชอบทางจริยธรรมของทัศนมาตรที่จะรักษาความซื่อสัตย์และวิจารณญาณที่อิสระในการค้นคว้าทุกประเภทเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย สวัสดิภาพสาธารณะ และวิชาชีพ ทัศนมาตรที่ทำการวิจัยควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและเคารพในหลักการทางจริยธรรมทั้งหมดที่ปกป้องสิทธิของผู้ป่วย และเมื่อร่วมมือกับอุตสาหกรรม ทัศนมาตรควรเผยแพร่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมาทันที  ทัศนมาตรที่นำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ควรเปิดเผยความสัมพันธ์ทางการเงินและ/หรือความสัมพันธ์อื่น ๆ ทั้งหมดที่ ที่มีอยู่กับบริษัทเมื่อผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทถูกกล่าวถึงในการนำเสนอ



D – Justice– ความยุติธรรม (“ความยุติธรรม”)

ทัศนมาตร มีหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้ป่วย เพื่อนร่วมงาน และสังคมอย่างยุติธรรมและปราศจากอคติ

 

1.การเลือกผู้ป่วย (Patient Selection)

ทัศนมาตรที่ให้บริการสาธารณะอาจใช้ดุลยพินิจอย่างสมเหตุสมผลในการเลือกผู้ป่วยสำหรับคลินิกของตน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปฏิเสธบริการบนพื้นฐานของการเลือกปฏิบัติหรือผู้ป่วยที่แสดงอาการฉุกเฉิน

 

2.การละทิ้งผู้ป่วย(Patient Abandonment)

เมื่อทัศนมาตรได้เริ่มการรักษาแล้ว ทัศนมาตรไม่ควรหยุดการรักษาโดยไม่แจ้งให้ผู้ป่วยทราบอย่างเพียงพอรวมไปถึงโอกาสในการขอรับบริการจากผู้ให้บริการดูแลสายตารายอื่น ทัศนมาตรมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาการดูแลติดตามที่เหมาะสมเมื่อไม่สามารถให้บริการดังกล่าวได้

 

3.การโฆษณา (Advertising)

การโฆษณาโดยทัศนมาตรควรเป็นความจริงและสอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับของรัฐบาลกลางและของรัฐที่บังคับใช้ ทัศนมาตรที่โฆษณาควรระบุปริญญาวิชาชีพของตนและ/หรือวิชาชีพของตนในทุกรูปแบบของโฆษณาและไม่ควรทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญหรือความเชี่ยวชาญของตน ทัศนมาตรไม่ควรถือตนว่ามีความรู้หรือหนังสือรับรองที่เหนือกว่านอกเหนือจากปริญญาที่หามาได้ใบรับรองหรือประเภทใบอนุญาต

 

4.ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (Economic Interests)

ค่าธรรมเนียมสำหรับบริการจักษุวิทยาควรสมเหตุสมผลและสะท้อนถึงการดูแลที่มอบให้กับผู้ป่วยอย่างถูกต้อง

 


E – ความสัมพันธ์ทางวิชาชีพที่ไม่ใช่ผู้ป่วย Non - patient Professional Relationships

ทัศนมาตร มีหน้าที่ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์และปราศจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในทุกความสัมพันธ์ทางวิชาชีพของตน

 

1.ความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม (Relationships with Industry)

ในการมีปฏิสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม ทัศนมาตรจะต้องรักษาระดับจริยธรรมสูงสุดไว้เพื่อให้คงไว้ซึ่งความเป็นอิสระทางวิชาชีพและความสมบูรณ์ทางคลินิกของตน ทัศนมาตรมีหน้าที่ให้การดูแลผู้ป่วยที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเพื่อพัฒนาความรู้ทางคลินิกและวิทยาศาสตร์ของตนอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมสามารถเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่าในความพยายามเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ทัศนมาตรควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์และกิจกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย ไม่ควรรับข้อเสนอทางการเงินและ/หรือวัสดุจากอุตสาหกรรมที่สร้างอิทธิพลที่ไม่เหมาะสมต่อวิจารณญาณทางคลินิกของทัศนมาตร


2.ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employer-Employee Relationships )

ทัศนมาตร ควรหลีกเลี่ยงหรือยุติสถานการณ์การจ้างงานใด ๆ ที่นายจ้างแทรกแซงหรือพยายามควบคุมวิจารณญาณทางวิชาชีพอิสระของทัศนมาตรที่ทำงานภายในขอบเขตของการปฏิบัติทางทัศนมาตรศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างทัศนมาตรและพนักงานควรดำเนินการในลักษณะที่ส่งเสริมผลประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ความเห็นทางคลินิกและการปฏิบัติของทัศนมาตรและไม่ควรถูกประนีประนอมด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความมุ่งมั่น หรือผลประโยชน์จากวิสาหกิจเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทางวิชาชีพ

 

3.การล่วงละเมิดและความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา (Harassment and Relationships with Subordinates)

ทัศนมาตร ไม่ควรมีส่วนร่วมในการกระทำใด ๆ ที่เป็นการล่วงละเมิดทางอารมณ์ การล่วงละเมิดทางร่างกาย หรือการกระทำผิดทางเพศ/การแสวงประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของทัศนมาตรในฐานะวิชาชีพด้านการดูแลสุขภาพ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแม้กระทั่งเมื่อยินยอมระหว่างหัวหน้างานทัศนมาตรกับเพื่อนร่วมงาน นักเรียน นักศึกษาฝึกหัดในสำนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดข้อกังวลเนื่องจากความเท่าเทียมกันโดยเนื้อแท้ในสถานะและอำนาจของบุคคลและจึงไม่เหมาะสม

 

4.การให้คำปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญ (Expert Testimony)

เมื่อทัศนมาตรให้คำปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญในกระบวนการยุติธรรมหรืทางการปกครอง คำให้การควรมีความสมดุล เป็นธรรม และเป็นจริงตามความรู้ทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิก

 



 

 

 

 

 

 



toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel situs toto toto togel toto togel toto togel toto togel situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto