เรื่อง ทัศนมาตรศาสตร์ในสายตาโลก

โดย ดร.ลอฟท์​

เผยแพร่ 26 มิถุนายน 2564

 

หากประเทศไทยคือประเทศที่กำลังพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบสาธารณสุขด้านสายตาและระบบการมองเห็น การลองผิดลองถูกด้วยตัวเองนั้นบางทีก็ทำให้เสียเวลาจนกลายเป็นเสียการเสียงาน วันนี้เรากำลังจะทำกฎหมายวิชาชีพ สิ่งที่เราพึงทำก็คือดูแบบอย่างประเทศที่เขาพัฒนาแล้วว่าเขาทำอะไรและทำอย่างไร การนั่งเทียนหรือนั่งทางในนั้น ไม่ใช่วิสัยของคนที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นเราควรไปดูนิยามของทัศนมาตรศาสตร์ว่าโลกฝั่งที่เจริญแล้วนั้น เขาให้นิยามทัศนมาตรไว้ว่าอย่างไร

 

World Council of Optometry (WCO) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกสำหรับผู้เชี่ยวชาญทางด้านทัศนมาตรศาสตร์ (global organisation for optometry professional) ซึ่งมีสมาชิกทั้งที่เป็นทั้งองค์กร สถาบัน และ สมาคม รวม 89 แห่งซึ่งมีทั้ง สภา โรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่เป็นสมาชิกจาก 48 ประเทศ​ มีทัศนมาตรเป็นสมาชิกอยู่กว่า 200,00 คนทั่วโลก และ WCO เป็นองค์กรของทัศนมาตรศาสตร์แห่งแรกและแห่งเดียวที่เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการององค์การอนามัยโลก (World Helth Organization,WHO)

 

ดังนั้นถ้าเราต้องการรู้ว่า WHO ให้นิยามของทัศนมาตรว่าอย่างไร ก็คงต้องไปดูที่นิยามของ WCO ซึ่งเป็นสากลโลกที่เจริญและพัฒนาแล้ว

 

WCO ให้นิยามของทัศนมาตรศาสตร์ว่า

 

“ทัศนมาตรศาสตร์” (optometry) คือศาสตร์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ (helthcare profession) ที่มีความอิสระในการประกอบวิชาชีพ (โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของวิชาชีพอื่น)  มีการเรียนการสอนด้านทัศนมาตรศาสตร์ในระดับบัณฑิตศึกษา มีกฎหมายทัศนมาตรศาตร์ในการควบคุมการประกอบวิชาชีพ ส่วน “ทัศนมาตร” (optometrist) คือบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพพื้นฐาน (primary health care practitioner) ที่มีหน้าที่ในการดูแลเกี่ยวกับตา (eye) และ ระบบการมองเห็น (visual system) โดยมีความรับผิดชอบในการดูแลเรื่อง การตรวจสุขภาพตาและระบบการมองเห็น (comprehensive eye and vision care) รวมไปถึงการตรวจวัดสายตาและการจ่ายเลนส์เพื่อแก้ไขระบบการมองเห็น  ตรวจหา วินิจฉัย และจัดการแก้ไข โรคที่เกิดขึ้นกับตา และบำบัดฟื้นฟูภาวะของระบบการมองเห็น

 

“WCO'S CONCEPT OF OPTOMETRY

Optometry is a healthcare profession that is autonomous, educated, and regulated (licensed/registered), and optometrists are the primary healthcare practitioners of the eye and visual system who provide comprehensive eye and vision care, which includes refraction and dispensing, detection/diagnosis and management of disease in the eye, and the rehabilitation of conditions of the visual system.

 

Reference

https://worldcouncilofoptometry.info/about-us/

https://www.who.int/workforcealliance/members_partners/member_list/wcoptometry/en/

 

 

นิยามทั้งหมดที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นนิยามที่องค์กรทัศนมาตรโลกซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก ได้ให้ไว้กับทัศนมาตรศาสตร์​ เพื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของทัศนมาตรในการประกอบวิชาชีพและเป็นพื้นฐานในการพัฒนาศาสตร์ของทัศนมาตร

 

อีกนัยหนึ่งคือถ้าเราไม่พร้อมที่จะยอมรับความเป็นนิยามสากลนั่นก็หมายถึงประเทศไทยยอมรับว่าจะไม่พร้อมที่จะยอมเจริญหรือพัฒนาสาธารณสุขด้านสายตาและระบบการมองเห็นให้เทียบเท่ากับมาตรฐานโลก

 

จริงอยู่ที่การสร้างบุคลากรทางทัศนมาตรศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหรือผลิตได้ช้ากว่าความต้องการของประชาชน แต่กระนั้นก็ตามในการดูแลพื้นฐานสายตาทั่วไปที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก เรามีคนที่ทำหน้าที่นี้อยู่หลายกลุ่มหลายสาขาทั้งในระดับวิชาชีพและอาชีพ  ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่สามารถนำมาเป็นเหตุผลเพื่อฉุดหรือรั้งการพัฒนาวิชาชีพทัศนมาตรศาสตร์ได้  ร่างกฎหมายทัศนมาตรจึงควรปล่อยให้อื่นอื่นสามารถประกอบวิชาชีพและอาชีพโดยไม่ไปจำกัด หรือ สิทธิในการทำงานของผู้อื่น

 

ดังนั้นการร่างกฎหมายที่จะยกทัศนมาตรศาตร์ขึ้นเป็นสาขานั้น มีจุดมุ่งหมายสูงสุดขอเพียงให้ทัศนมาตรได้สามารถทำงานและนำความรู้ความสามารถไปช่วยเหลือคนที่มีปัญหาสายตาและระบบการมองเห็นได้อย่างเต็มที่ตามหลักทัศนมาตรศาสตร์ และ อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือให้กฎหมายเปิดโอกาสให้ทัศนมาตรสามารถพัฒนาหลักสูตรต่อไปได้  เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายที่ทัศนมาตรถืออยู่นั้นเป็นเพียงหนังสืออนุญาตให้การประกอบวิชาชีพตามหลักทัศนมาตรศาสตร์เป็นการประกอบโรคศิลปะ นั่นหมายความว่าถ้าจะประกอบวิชาชีพจะต้องทำในสถานพยาบาล แต่เมื่อสาขายังไม่ถูกกำหนดยกขึ้นเป็นสาขาในการประกอบโรคศิลปะ ทำให้ศาสตร์ทัศนมาตรที่ร่ำเรียนมานั้น ไม่สามารถปฎิบัติงานได้ตามหลักทัศนมาตร และนี่เหตุสาเหตุที่ต้องเร่งผลักดันให้กฎหมายออกมาให้นักศึกษาทัศนมาตรศาสตร์ที่จบการศึกษาออกมานั้นสามารถทำงานได้

 

ดังนั้นร่างที่ทัศนมาตรในประเทศไทยควรจะเป็นเมื่อเทียบกับนิยามทัศนมาตรโลกแล้วจึงควรมีนิยามทุกคำต่อไปนี้ ว่า

 

“ทัศนมาตร” หมายความว่า บุคคลผู้กระทำเกี่ยวกับสายตาและระบบการมองเห็นของมนุษย์ตามหลักการในสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ โดยการตรวจและการวัดสายตา เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติของสายตา ระบบการมองเห็นและแก้ไขฟื้นฟูสภาพของระบบการมองเห็น รวมทั้งการใช้แว่นตา เลนส์สัมผัส หรือการฝึกบริหารกล้ามเนื้อตา โดยการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ น้ำตาเทียม หรือยา ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ แต่ไม่หมายรวมถึง

  1. การแก้ไขความผิดปกติของการมองเห็นเนื่องจากระบบประสาทตา

  2. การแก้ไขความผิดปกติของการมองเห็นและแก้ไขฟื้นฟูความผิดปกติของการมองเห็นโดยการผ่าตัด หรือการใช้เลเซอร์ชนิดต่างๆ

  3. การปฏิบัติงานของบุคคลากรในวิชาชีพหรืออาชีพอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้


** จะต้องไม่มีการตัดคำว่า "ตามหลักการในสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์"  และ ไม่ย่อคำว่า "การมองเห็น" เป็น  "การเห็น"

 

กฎหมายเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว เพราะมันเป็นเรื่องของการกำหนด สิทธิ และ หน้าที่ และเสรีภาพของผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ทำหรือไม่ให้ทำ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมมีคนที่ได้ประโยชน์และเสียประประโยชน์กับกฎหมายที่ออกมาไม่มากก็น้อย 

แก่นสารของกฎหมายนั้นไม่ใช่อื่นใด นอกเหนือไปจากมีปัญหาเกิดขึ้นจากคนมีหน้าที่แต่ไม่ทำหน้าที่หรือคนที่ไม่มีหน้าที่แล้วไปทำหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงทำให้เกิดปัญหาหรือความเดือดร้อน จึงต้องมีการออกกฎขึ้นมาเพื่อเป็นบทลงโทษทั้งกับผู้ที่ไม่มีหน้าที่ทำแต่จะทำหน้าที่ หรือผู้ที่ไม่หน้าที่แล้วละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ก็เพื่อความสงบเรียบร้อยและความผาสุขของประชาชน 

ในทางกลับกันถ้าคนเรารู้ว่าอะไรคือหน้าที่ และอะไรไม่ใช่หน้าที่ ปัญหาก็จะไม่เกิด แต่ปัญหาที่มันเกิดเพราะคนไม่รู้จักหน้าที่หรือละเลยในการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้ต้องมีการกำหนดบทลงโทษด้วยกฎหมายขึ้นมา และแน่นอนว่ากฎหมายที่ออกมาย่อมส่งผลกระทบทั้งดีหรือไม่ดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เกี่ยวไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

เช่นนักกำหนดอาหาร หรือ Dietitian เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารบำบัดโรคที่เรียกว่า โภชนบำบัด ในโรงพยาบาลต่างๆ จะมีนักกำหนดอาหารประจำอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก็ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการกาหนดอาหารเปน็สาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๖๓  (https://bit.ly/35TQ7MK) ซึ่งก็เป็นผลดีฝ่ายเดียวกับคนไข้ แต่ก็อาจเป็นเสียกับผู้ที่ทำอยู่เดิม อาจจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ 

มาถึงทัศนมาตรศาตร์ ปัจจุบันก็มีความพยายามมาประมาณ 20 ปีในการยกทัศนมาตรขึ้นเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ เพื่อช่วยให้การดูแลผู้มีปัญหาสายตาและระบบการมองเห็นนั้นได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่า ตัวบทนิยามทัศนมาตรนั้น ก็จะไปส่งผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสายตาเดิม ตัวอย่างเช่น ช่างแว่นตา พยาบาลเวชทางตา หรืออื่นๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม 

ดังนั้นกฎหมายที่ดีควรจะเป็นประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ และ เลี่ยงการริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด 

 

และผมมองว่า ร่างกฎหมายข้างต้นนั้น ดีเยี่ยมต่อการทำงานในระดับวิชาชีพทัศนมาตรและการพัฒนาวิชาชีพ ไม่มีข้อเสียใดๆต่อสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์เลย และยังไม่ได้ไปริดรอนหรือก้าวล่วงวิชาชีพหรืออาชีพอื่นที่ทำมาก่อน จึงไม่ควรมีใครที่จะเสียประโยชน์กับร่างกฎหมายข้างต้นนี้ และประโยชน์สูงสุดคือผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาและระบบการมองเห็นนั้น มีโอกาสเข้ารับบริการกับผู้ให้บริการด้วยเสรีภาพอย่างเต็มที่ 

 

ผมจึงมองว่า ถ้ากฎหมายจะเกิด ก็จะต้องเกิดตามเนื้อหาของกฎหมายที่ได้ยกมาข้างต้นครบถ้วนทุกคำในข้อความเบื้องต้น จึงควรจะเป็นกฎหมายเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอสมาชิกทุกท่านติดตามการรายงานร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีการหมกเม็ดหรือลักหลับ   เพราะกฎหมายจะส่งผลกระทบต่อคนในวิชาชีพและคนที่เกี่ยวข้องทันที  

 

จึงเรียนมาเพื่อทราบและทำความเข้าใจกันให้ถูกต้อง 

ด้วยความเคารพ

ทม.สมยศ​ เพ็งทวี O.D.



toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel toto togel situs toto toto togel toto togel toto togel toto togel situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto situs toto